เซฟ เดอะ ชิลเดรน เผย “ไม่ตีเด็ก” เป็นกฎหมายแล้วในไทย แต่ทั่วโลกยังล้าหลัง ต้องใช้เวลาอีก 60 ปี
กรุงเทพฯ 27 มีนาคม 2568 – ประเทศไทยได้กลายเป็นประเทศลำดับที่ 68 ของโลกที่ออกกฎหมายห้ามการลงโทษเด็กด้วยความรุนแรงทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุว่า โลกอาจยังต้องใช้เวลาอีกถึง 60 ปี หากต้องการบรรลุเป้าหมายระดับโลกในการยุติความรุนแรงต่อเด็กอย่างสมบูรณ์ในทุกประเทศ
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2568 หรือที่เรียกกันว่า “กฎหมายไม่ตีเด็ก” ซึ่งห้ามมิให้มี การลงโทษเด็กด้วยความรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในบ้าน โรงเรียน สถานสงเคราะห์ ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน หรือศูนย์รับเลี้ยงเด็ก โดยกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
ในประเทศไทย เด็ก 3 ใน 4 คน ที่มีอายุระหว่าง 1-14 ปี เคยประสบกับการลงโทษทางร่างกายหรือจิตใจโดยสมาชิกในครอบครัว ซึ่งยังคงเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยทั้งในบ้านและในโรงเรียน สะท้อนทัศนคติทางวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึก ซึ่งผู้ปกครองจำนวนมากยังมองว่ามีสิทธิ์ลงโทษลูกได้ตามใจ
พศวีร์* เด็กชายวัย 6 ขวบจากโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในนนทบุรี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า
“ผู้ใหญ่ตัวโตกว่าเด็ก ถ้าเขาตีเด็กก็จะเจ็บมากและจะเสียใจมาก”
การประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ของประเทศไทยนับเป็นก้าวสำคัญด้านสิทธิเด็ก และต่อเนื่องจากความคืบหน้าในประเทศทาจิกิสถานและลาวเมื่อปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ของเซฟ เดอะ ชิลเดรน หากอัตราความก้าวหน้าในการออกกฎหมายเรื่องนี้ยังคงอยู่ในระดับปัจจุบัน โลกจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 60 ปี จึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายระดับโลกใน การยุติการลงโทษเด็กด้วยความรุนแรงในทุกประเทศได้
ประเทศสมาชิกในองค์การสหประชาชาติได้ตกลงร่วมกันในปี 2558 เพื่อให้การห้ามการลงโทษเด็กด้ วยความรุนแรงเป็นหนึ่งในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในปี 2573 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ แต่ปัจจุบัน มีเพียง 16% ของเด็กทั่วโลก หรือราว 389 ล้านคนที่ได้รับการคุ้มครองใน 68 ประเทศ ที่มีกฎหมายห้ามการลงโทษในทุกบริบท ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2558 ที่มีการประกาศ SDGs มีเพียง 22 ประเทศเท่านั้นที่ออกกฎหมายดังกล่าว หรือโดยเฉลี่ยคือแค่สองประเทศต่อปีเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับ 30 ประเทศในทศวรรษก่อนหน้านั้นถือว่าเป็นอัตราที่ค่อนข้างช้ามากและอาจจะต้องใช้เวลาอีก 60 ปีถึงจะบรรลุเป้าหมาย SDG ได้
การลงโทษเด็กด้วยความรุนแรงมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การตบ ตี เตะ เขย่า เผา หรือบังคับให้อยู่ในท่าทางที่อึดอัด รวมถึงการกลั่นแกล้งทางวาจาหรือทำให้เด็กอ ับอายด้วยวิธีที่ไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย
นายกีโยม ราชู ผู้อำนวยการบริหาร เซฟ เดอะ ชิลเดรน กล่าวว่า
“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับก้าวสำคัญของประเทศไทยในการออกกฎหมายห้ามการลงโทษเด็กด้วยความรุนแรง ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เด็กได้รับความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ยังเป็นการทำให้รู้สึกอับอาย และอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งทางร่างกายและจิตใจในระยะยาว เด็กหลายคนต้องแบกรับผลกระทบเหล่านี้ติดตัวไปจนโต และสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อพวกเขาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนออกไปถึงครอบครัวและชุมชนรอบตัวด้วย
เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยจัดให้มีการสนับสนุนเพิ่มเติมแก่ครู ผู้ปกครอง ผู้ดูแล และผู้ใหญ่ทุกคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก เพื่อให้สามารถใช้แนวทางการอบรมเชิงบวก และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการพัฒนาอย่างเหมาะสม เซฟ เดอะ ชิลเดรน พร้อมร่วมสนับสนุนด้านเทคนิคและอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้”
เซฟ เดอะ ชิลเดรน ทำงานเรื่องการส่งเสริมให้เด็กทุกคนจากหลากหลายพื้นเพปลอดภัยจากความรุนแรงทุกรูปแบบมายาวนานกว่า 20 ปี และทำงานในประเทศไทยมากกว่า 46 ปี แนวทางของเราครอบคลุมถึงการส่งเสริมการเลี้ยงดูเชิงบวก เสริมสร้างความยืดหยุ่นในตัวเด็ก และผลักดันให้เกิดการปฏิรูปกฎหมาย
นอกจาก นี้ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ยังทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในการเสริมศักยภาพบุคลากรในระบบบริการสังคม เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบคุ้มครองเด็ก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของเซฟ เดอะ ชิลเดรน ในประเทศไทย สามารถเข้าชมผ่านเว็บไซต์ https://www.savethechildren.or.th/
*เปลี่ยนชื่อเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว

เซฟ เดอะ ชิลเดรน เผย “ไม่ตีเด็ก” เป็นกฎหมายแล้วในไทย แต่ทั่วโลกยังล้าหลัง ต้องใช้เวลาอีก 60 ปี
27 มีนาคม 2568
NEWS
เซฟ เดอะ ชิลเดรน เผย “ไม่ตีเด็ก” เป็นกฎหมายแล้วในไทย แต่ทั่วโลกยังล้าหลัง ต้องใช้เวลาอีก 60 ปี