ทุกวันนี้ ใคร ๆ ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่เข้าถึงโลกออนไลน์ได้ แต่ท่ามกลางประโยชน์ในการสื่อสารและความบันเทิง มันยังมาพร้อมกับอันตรายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง สร ้างความเกลียดชัง คุกคาม และอื่น ๆ จนสุดท้ายสื่อออนไลน์ก็อาจกลายเป็นภัยร้ายที่อยู่ใกล้ตัวได้ถ้าไม่ระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน
พงษ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และสภานักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของประเทศไทย เคยมีประสบการณ์ที่สร้างความกังวลใจจนทำให้เขาไม่กล้าใช้งานสื่อออนไลน์ เมื่อจู่ ๆมีคนแปลกหน้าส่งของขวัญเข้ามาในขณะที่เขากำลังไลฟ์สดผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ และพยายามติดต่อเขาทางข้อความส่วนตัว ซึ่งทำให้เขาไม่สบายใจและเหมือนถูกคุกคาม แม้พงษ์จะสามารถรับมือกับเหตุการณ์นั้นได้ด้วยตัวเอง แต่เขากลับรู้สึกหวาดระแวงจนไม่กล้าที่จะใช้สื่อออนไลน์เหมือนเคย
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้พงษ์ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการต่อต้านภัยออนไลน์ภายใต้ความร่วมมือของ เซฟ เดอะ ชิลเดรน และมูลนิธิเพื่อยุติการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็ก (ECPAT Foundation) ตั้งแต่โครงการในปี 2566-2567 ที่ใช้ชื่อ ROAR II จนเข้าสู่โครงการ SHIELD ในปี 2568-2570 ที่มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมบนโลกออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
เขาเชื่อว่าการเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยทำให้เขาสามารถปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามทางออนไลน์ แต่ยังเป็นพื้นที่ในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ และร ่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็กและเยาวชนในโรงเรียนและชุมชนของตนเอง
พงษ์เล่าว่า ตอนที่เริ่มเข้าร่วมโครงการ เขายังไม่กล้าแสดงความคิดเห็นต่อหน้าคนอื่น แต่ด้วยกิจกรรมกลุ่มและการฝึกฝนต่อเนื่อง ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้นในการสื่อสารในที่สาธารณะ รู้จักวิธีป้องกันและรับมือภัยบนโลกออนไลน์ การตรวจสอบข้อมูลก่อนส่งต่อ รู้จักหน่วยงานที่สามารถขอความช่วยเหลือ และยังสามารถส่งต่อความรู้ให้กับเพื่อนในโรงเรียน
เขาฝากข้อคิดถึงเพื่อน ๆ ว่า “ถึงแม้ตอนนี้คุณอาจกำลังเจอเรื่องแย่ ๆ บนโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะโดนกลั่นแกล้ง โดนหลอก หรือโดนคุกคาม ขอให้รู้ไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว และคุณมีสิทธิ์ที่จะขอความช่วยเหลือ อย่าเก็บไว้คนเดียว อย่ากลัวที่จะพูดออกมา”
ในขณะที่เด็ก ๆ อย่างพงษ์ลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองและเพื่อน ๆ ครูและโรงเรียนก็มีบทบาทสำคัญในการเปิดพื้นที่และรับฟังเสียงของนักเรียน เพื่อให้พวกเขามีโอกาสเติบโต เรียนรู้ และใช้พลังสร้างสรรค์ขับเคลื่อนสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยร่วมกัน
เสียงสะท้อนจากหนึ่งในครูผู้เข้าร่วมโครงการนั้นเห็นว่าการเปิดใจรับฟังนักเรียนและให้โอกาสพวกเขาได้ลงมือทำเอง เป็นสิ่งสำคัญในการที่จะทำให้นักเรียนรับมือกับปัญหาได้
วิ - ชลธิรา แก้วเสมอใจ หรือที่เด็ก ๆ เรียกกันว่า “ครูวิ” เป็นครูโรงเรียนแม่คือวิทยา จังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า นักเรียนหลายคนติดโทรศัพท์ และใช้เวลาบนโลกโซเชียลจนละเลยหน้าที่ แถมบางคนยังล้อเลียนเพื่อนในโลกออนไลน์ จ นกระทบต่อความสัมพันธ์และบรรยากาศในโรงเรียน
ด้วยประสบการณ์จากโครงการ ROAR II ก่อนหน้านี้ ทำให้โรงเรียนตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการ SHIELD ต่อ เพราะเห็นคุณค่าและผลดีที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้นักเรียนเป็นแกนนำ มีส่วนร่วมตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ และลงมือทำกิจกรรมด้วยตัวเอง
ครูวิบอกว่า หนึ่งในบทเรียนสำคัญที่ได้รับจากโครงการ คือ “บางครั้งในฐานะครู เราต้องหยุดพูด หยุดสั่ง และเริ่มฟังเสียงของนักเรียนอย่างแท้จริง”
“ลองเปิดใจ อย่ากังวลว่างานจะเพิ่ม เพราะสิ่งที่นักเรียนจะได้รับกลับไปคือทักษะชีวิต และประสบการณ์ที่เราอาจคาดไม่ถึง โครงการนี้ไม่ใช่แค่กิจกรรมเสริม แต่คือเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบตัวเอง ได้แสดงศักยภาพ และได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริง”
ทางโรงเรียนเชื่อว่ากระบวนการเหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนคิดวิเคราะห์ มองปัญหารอบด้าน และนำความรู้ที่ได้รับมาช่วยเหลือเพื่อน ๆ รวมถึงพัฒนาโรงเรียน อีกทั้งยังอยากเห็นกิจกรรมในอนาคตที่เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ สร้างสรรค์ส ื่อของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสั้น เกม หรือสื่อเชิงสร้างสรรค์อื่น ๆ ที่สามารถนำกลับมาใช้ต่อยอดในโรงเรียนได้ในระยะยาว
หากเด็กและเยาวชนได้รับโอกาสที่เหมาะสม และผู้ใหญ่รอบตัวพร้อมที่จะเปิดใจฟัง พวกเขาสามารถเปลี่ยนประสบการณ์ให้กลายเป็นพลังบวก และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างสังคมออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนได้ต่อไป

เปลี่ยนแปลง/เปิดใจ: เมื่อนักเรียนและครูช่วยกันรับมือภัยออนไลน์
23 กันยายน 2568
STORY
เปลี่ยนแปลง/เปิดใจ: เมื่อนักเรียนและครูช่วยกันรับมือภัยออนไลน์
.png)