top of page

ในโลกที่ความเป็น ‘พลเมือง’ คือกุญแจในการเข้าถึงโอกาส  ยังมีเด็กอีกหลายแสนคนในประเทศไทยยังคงเติบโตขึ้นโดยไม่มีตัวตนในสายตาของรัฐ ถูกกันออกจากสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การรักษาพยาบาล และเมื่อไม่สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ โอกาส ความหวัง และความฝันของเด็กก็ถูกปิดกั้นไปด้วย คนเหล่านี้คือเด็กไร้รัฐ ไร้สัญชาติ


ประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 โดยรับรองว่าเด็กทุกคนไม่ว่าจะมีสถานะทางกฎหมายอย่างไร ต้องได้รับสิทธิในการอยู่รอด การพัฒนา และการได้รับความคุ้มครองอย่างเท่าเทียม โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และต้องเป็นไปตามประโยชน์สูงสุดของเด็ก ทว่าคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติยังคงแสดงความกังวลต่อสถานการณ์เด็กไร้รัฐไร้สัญชาติในไทย โดยระบุในรายงานเมื่อปลายปี พ.ศ. 2567 ว่า เด็กจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงบริการพื้นฐานและต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงในชีวิต แม้จะอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานาน


ข่าวดีคือ รัฐบาลไทยได้ริเริ่มแนวทางใหม่ในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เปิดทางให้ประชากรไร้รัฐไร้สัญชาติกว่า 480,000 คน ซึ่งรวมถึงเด็กจำนวนมาก สามารถเข้าสู่กระบวนการขอรับรองสถานะบุคคลและสัญชาติไทยอย่างมีหลักเกณฑ์และภายในกรอบเวลาชัดเจน 


มาตรการนี้ครอบคลุมกลุ่มคนที่อพยพเข้ามาในไทยตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2510 และบุตรหลานที่เกิดในประเทศไทย ซึ่งหลายคนถือกำเนิด เรียนหนังสือ ทำงาน และใช้ชีวิตในฐานะสมาชิกของสังคมไทยมาตลอด แต่ยังคงไม่มีสถานะทางกฎหมายรองรับ


ผศ.ดร. ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การความท้าทายในเรื่องกฎหมายนี้ยังคงมีอยู่มาก 


“ความท้าทายมีทั้งในด้านความซับซ้อนของกระบวนการ ระยะเวลาที่จำกัด การตีความกฎหมายที่เข้มงวดเกินจำเป็น และการขาดทรัพยากรสนับสนุนในระดับพื้นที่ รวมถึงเข้าใจผิดและอคติของประชาชนคนทั่วไปด้วย ว่าคนกลุ่มนี้จะมาแย่งงาน ก่ออาชญากรรม”


“การแก้ไขปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ จึงไม่ใช่แค่เรื่องเอกสารหรือความมั่นคงของชาติ แต่เป็นเรื่องของความเป็นธรรม การคืนศักดิ์ศรี และการสร้างโอกาสให้กับมนุษย์” ผศ.ดร. ดรุณี กล่าว


ทางด้านของ เซฟ เดอะ ชิลเดรน (มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก ประเทศไทย) นั้น คุณวรางคณา มุทุมล ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์และคุณภาพโครงการ ได้พูดถึงการสนับสนุนเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติว่า

“เซฟ เดอะ ชิลเดรน เห็นถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กอย่างยั่งยืน แม้ที่ผ่านมา กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องจะถูกออกแบบภายใต้กรอบความมั่นคงของชาติ และยังคงมีความซับซ้อน คลุมเครือ และตีความต่างกันในแต่ละพื้นที่ แต่เรายังคงมุ่งมั่นให้ความรู้แก่เด็กและครอบครัวเกี่ยวกับสิทธิด้านสถานะบุคคลและการเข้าถึงการศึกษา พร้อมส่งเสริมนโยบายคุ้มครองเด็ก และเชื่อว่าความร่วมมือ กระบวนการที่โปร่งใส และยืดหยุ่น จะช่วยลดช่องว่างเหล่านี้ และทำให้ไม่มีเด็กคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง"


องค์กรภาคประชาสังคม เช่น เซฟ เดอะ ชิลเดรน และเครือข่าย ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งในด้านการให้ข้อมูลเชิงนโยบาย การทำงานภาคสนามเพื่อคัดกรองและให้ความรู้แก่ชุมชน รวมถึงการผลักดันการรณรงค์สาธารณะ เพื่อเปลี่ยนความเข้าใจผิดในสังคม และชี้ให้เห็นว่า การให้สถานะทางกฎหมายคือการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศ


ในท้ายที่สุด ความร่วมมือระหว่างรัฐ ภาคประชาสังคม และประชาชน คือกลไกสำคัญในการทำให้เด็กทุกคนในแผ่นดินไทยเติบโตอย่างมีศักดิ์ศรี และสามารถฝันถึงอนาคตที่มั่นคงได้เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ

ในโลกที่ความเป็น ‘พลเมือง’ คือกุญแจในการเข้าถึงโอกาส

29 สิงหาคม 2568

STORY

ในโลกที่ความเป็น ‘พลเมือง’ คือกุญแจในการเข้าถึงโอกาส

เพื่ออนาคตที่สดใสของเด็กทุกคน

bottom of page